เบอร์กิ้นถือกำเนิดขึ้นมาครั้งแรกในปี 1984 เมื่อเทียบว่า คุณ Thierry Hermès ก่อตั้งแบรนด์นี้ขึ้นมาในปี 1837 เพื่อขายสินค้าที่เกี่ยวกับเครื่องหนังหรูหราสำหรับการขี่ม้า เบอร์กิ้นถือเป็นสินค้ารุ่นหลังๆ ของแบรนด์มากกว่าที่คิด
ในปี 1984 คุณ Jean-Louis Dumas ประธานบริษัทในตอนนั้นได้นั่งข้างดารานักแสดงชื่อ
คุณ Jane Birkin บนเครื่องบินโดยบังเอิญ ตอนนั้น คุณ เจน ใส่ของในกระเป๋าถือจนล้นออกมาข้างนอก คุณ Dumas เห็นแล้วก็รู้สึกว่า “อยากทำกระเป๋าที่ใส่ของทั้งหมดได้ให้เป็นของขวัญ” และนั่นก็กลายเป็นต้นกำเนิดกระเป๋ายอดฮิตของสาวๆ ถ้าสองคนนี้ไม่ได้นั่งข้างๆ กัน เราอาจจะไม่ได้เห็นกระเป๋าสุดคลาสสิคใบนี้เลยก็เป็นได้ จุดเด่นของเบอร์กิ้นคือ แม้จะดูหรูหรา แต่ทนทานสามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างสบายๆ
และการตลาดของแบรนด์ HM ที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้ถึงทุกวันนี้คือ ไม่ใช่แค่มีเงินก็สามารถซื้อได้ สินค้าแต่ละชิ้นถูกผลิตขึ้นมาอย่างประณีตดังนั้นจึงใช้เวลาที่ค่อนข้างนานบวกกับการตลาดที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อการกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายมีความต้องการสูง เพราะของชิ้นนั้น ๆ เป็นสินค้าที่หายาก แรร์ไอเท็ม ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุผลว่าต่อให้ต้องรอนานแค่ไหน หรือราคาสูงเสียดฟ้าเพียงไหนก็คุ้มค่าที่จะได้มา
อีกทั้งราคาที่สูงย่อมมาคู่กับสินค้าที่ผลิตอย่างดี วัสดุหนังถูกคัดสรรมาอย่างดีไร้ตำหนิ อะไหล่ของกระเป๋าต้องไม่มีร่องรอยขีดข่วน กระบวนการผลิตต้องไม่มีการผิดพลาด กระเป๋าทุกใบถูกตัดเย็บด้วยมืออย่างพิถีพิถันโดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนเฉพาะด้านนานถึง 3 ปีในโรงงานของ HM ประเทศฝรั่งเศสก่อนที่จะได้รับอนุญาตให้ริเริ่มผลิตกระเป๋าขึ้นมา 1 ใบ แต่ละใบจะถูกเย็บขึ้นมาโดยช่างเฉพาะแค่ 1 คนเท่านั้นและกระบวนการตัดเย็บจะใช้เวลาถึง 16-20 ชั่วโมง และหากกระเป๋าเกิดชำรุด ก็จะต้องส่งซ่อมให้ช่างคนเดียวกันกับที่ผลิตแก้ โดยจะดูจากเลขรหัสของช่างที่ติดอยู่ในกระเป๋า นั่นเองค่า
📌หากท่านมีสินค้าแบรนด์เนมหรือสินค้ามือสองอยากส่งต่อสามารถทักแชท หรือไลน์ Eco Ring Kaitori ได้เลย
Line :@ecoring.th
#สินค้ามือสอง #Brandname #รับซื้อสินค้า #EcoRingThailand #BrandnameThailand #กระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง #กระเป๋าแบรนด์เนม #EcoRingKaitori